หูตึงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยสถิติจากกรมการแพทย์ระบุว่า ผู้สูงอายุไทยมากกว่า 1 ใน 3 คนมีปัญหาหูตึง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร การใช้ชีวิตในสังคม และคุณภาพชีวิตโดยรวม
เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มเสียงให้ได้ยินชัดเจนขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้สูงอายุที่มีหูตึง โดยเครื่องช่วยฟังในปัจจุบันมีให้เลือกหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. แบบคล้องหลังหู (Behind-the-Ear, BTE)
เป็นประเภทเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย และสามารถปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงตั้งแต่ระดับปานกลางถึงรุนแรง
ข้อดี
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย
- สามารถปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย
- เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงตั้งแต่ระดับปานกลางถึงรุนแรง
ข้อเสีย
- อาจมองเห็นได้ชัด
- อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอก
2. แบบใส่ในช่องหู (In-the-Ear, ITE)
เป็นเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในช่องหู เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติและสบายกว่าแบบคล้องหลังหู แต่อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอก
ข้อดี
- ขนาดเล็ก แนบกับหู ดูเป็นธรรมชาติ
- สบายกว่าแบบคล้องหลังหู
- เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ข้อเสีย
- อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอก
- อาจใส่หรือถอดยาก
3. แบบซ่อนในช่องหู (In-the-Canal, ITC)
เป็นเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุขนาดเล็กที่สุดที่ใส่เข้าไปในช่องหู เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอกมากกว่าแบบ ITE
ข้อดี
- ขนาดเล็กที่สุด แนบกับหู ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ข้อเสีย
- อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอกมากกว่าแบบ ITE
- อาจใส่หรือถอดยาก
4. แบบใส่ในรูหู (In-the-Canal, CIC)
เป็นเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ ที่เล็กที่สุด ใส่เข้าไปในรูหู เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอกมากที่สุด และอาจหลุดง่าย
ข้อดี
- ขนาดเล็กที่สุด แนบกับหู ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
ข้อเสีย
- อาจมีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอกมากที่สุด
- อาจหลุดง่าย
5. แบบกระดูกนำเสียง (Bone Conduction Hearing Aids)
เป็นเครื่องช่วยฟังที่ส่งสัญญาณเสียงผ่านกระดูกไปยังหูชั้นใน เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงที่เกิดจากปัญหาในหูชั้นกลางหรือประสาทหู
ข้อดี
- เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีหูตึงที่เกิดจากปัญหาในหูชั้นกลางหรือประสาทหู
- ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอก
- สวมใส่สบาย
ข้อเสีย
- อาจทำให้ได้ยินเสียงก้องในหู
- อาจทำให้ได้ยินเสียงดังขึ้น
การเลือกประเภทเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมควรพิจารณาจากระดับความรุนแรงของหูตึง ความต้องการในการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือนักแก้ไขการได้ยินเพื่อขอคำแนะนำ
การดูแลเครื่องช่วยฟัง
เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ควรได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งานและประสิทธิภาพการทำงาน โดยควรปฏิบัติดังนี้
- ทำความสะอาดเครื่องช่วยฟังเป็นประจำ ด้วยผ้านุ่มชุบน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงการตกหล่นหรือกระแทกเครื่องช่วยฟัง
- เก็บรักษาเครื่องช่วยฟังในที่แห้งและปลอดภัย
- นำเครื่องช่วยฟังไปตรวจเช็คและปรับแต่งตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักแก้ไขการได้ยินเป็นประจำ
การดูแลรักษาเครื่องช่วยฟังอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้งานเครื่องช่วยฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพและนานยิ่งขึ้น
Tags: เครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุ